วันอาทิตย์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

วิธีแก้ไขปัญหาสำหรับคนที่ลบภาษา English UK ใน Windows 10 ไม่ได้

วิธีแก้ไขปัญหาสำหรับคนที่ลบภาษา English UK ใน Windows 10 ไม่ได้

สำหรับปัญหานี้เจอกับตัวเอง โดยเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ของ User ที่บริษัทลูกค้า โดยหลังจากอัปเดต Windows 10 v1803 ตัวล่าสุดแล้วพบว่ามี Keyboard ภาษา English (United Kingdom) เพิ่มมาอีก 1 ตัว แล้วคลิกปุ่ม Remove เพื่อจะลบภาษา uk นี้ออกไม่ได้ วันนี้ได้ค้นเจอวิธีลบภาษาออก จึงเอาวิธีมาให้ลองเอาไปทำที่เครื่องดูครับ เผื่อจะแก้ไขปัญหานี้ได้เหมือนกันครับ
วิธีลบภาษา English (United Kingdom) ใน Windows 10
โดยสิ่งที่ต้องทราบก่อนคือ สิทธิ์ของ User นั้นต้องเป็น Admin ซึ่งจากที่ได้กล่าวไว้คือเป็นเครื่อง User ที่อยู่ในระบบ Active Directory เป็นเพียง Domain User ดังนั้นหากเครื่องที่กำลังจะแก้ไขนั้นต้องมีสิทธิ์ Admin ซึ่งจะเพิ่มเข้า Local Administrator ก็ได้ครับ เพราะจากที่ลองแก้ไขนั้นหากทำใน User ปกติจะไม่มีผลอะไร
  • ขั้นตอนที่หนึ่ง ให้ทำการเปิด “Windows Powershell (Admin)” โดยการกดปุ่ม Windows + X ก็จะพบเมนูครับ
  • ขั้นตอนที่สอง ให้พิมพ์คำสั่ง “Get-WinUserLanguageList” แล้วกดปุ่ม Enter เพื่อตรวจสอบว่าตอนนี้ในเครื่องเรามีภาษาอะไรอยู่บ้าง
  • จากนั้นเราจะเห็นภาษาที่อยู่ในเครื่อง โดยให้ดูที่หัวข้อ “LanguageTag” และให้ตรวจสอบว่ามี LanguageTag – en-US ไหม ถ้ามีก็ทำขั้นตอนถัดไปครับ แต่ถ้าไม่มีก็ให้กลับไปติดตั้งภาษา US ตามข้อที่ 3 ด้านบน และเปลี่ยนภาษาเมนูตามที่แนะนำไว้ในข้อ 7 ด้านบน
  • ขั้นตอนที่สาม ให้พิมพ์คำสั่ง “$1=New-WinUserLanguageList en-US
  • ขั้นตอนที่สี่ พิมพ์คำสั่ง “Set-WinUserLanguageList $1” เป็นการเลือกภาษา en-US เป็นค่าเริ่มต้นและลบภาษาอื่นทั้งหมดออกให้เหลือเพียง en-US
  • พิมพ์ Y เพื่อยืนยัน
$1=New-WinUserLanguageList en-US
  • จะพิมพ์คำสั่ง Get-WinUserLanguageList อีกครั้งเพื่อตรวจสอบว่าเหลือแค่ en-US อีกทีก็ได้ครับ
กลับไปเปิดดูที่หัวข้อ Preferred language ตามข้อที่ 3 หากไม่มีอะไรผิดพลาด เราจะเห็นว่าเหลือแค่ English (United States) เท่านั้น ขั้นตอนต่อไปก็คลิก Add aLanguage เพิ่มภาษา Thai เข้ามาครับ เท่านี้ก็แก้ปัญหากดเปลี่ยนภาษาไทย 2 ครั้งใน Windows 10 ได้แล้วครับ
ข้อมูลอ้างอิงสำหรับขั้นตอนการแก้ไขนี้ > http://woshub.com/cant-remove-extra-languages-windows-10/

วันพุธที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2559

Microsoft Open license


Open License เป็นโปรแกรมการจัดซื้อลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์สำหรับองค์กรธุรกิจขนาดเล็ก และขนาดกลางที่ต้องการใช้ลิขสิทธิ์ไมโครซอฟท์ตั้งแต่ 5 ชุดขึ้นไปในการสั่งซื้อครั้งแรก โดยโปรแกรม Open License นี้จะทำให้ท่านได้รับสิทธิประโยชน์ และความคุ้มค่า สามารถสั่งซื้อได้กับตัวแทนจำหน่ายไมโครซอฟท์ทั่วไป

รวมถึงความสะดวกและง่ายต่อการบริหารจัดการลิขสิทธิ์ในองค์กร โดยสามารถตรวจสอบรายการลิขสิทธิ์ได้ทางเว็ปไซต์ เป็นการลดขั้นตอนและความยุ่งยากในการเก็บเอกสาร และชุดผลิตภัณฑ์ และลูกค้าสามารถจัดซื้อลิขสิทธิ์ไมโครซอฟท์เพิ่มเติมโดยไม่จำกัดจำนวน ตลอดช่วงเวลา 2 ปี

นอกจากนี้ Open License ยังมีราคาพิเศษสำหรับสถาบันการศึกษา องค์กรการกุศล และหน่วยงานภาครัฐ
ประเภทของ Open License
Open License แบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ ได้แก่ Open Business, Open Volume และ Open Value ซึ่งได้รับการออกแบบมาให้เหมาะสมกับความต้องการที่แตกต่างกันของแต่ละองค์กร ดังนี้
Open Business
เป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการซื้อสิทธิการใช้ซอฟต์แวร์อย่างน้อย 5 ไลเซ็นส์ หรือสิทธิการใช้เซิร์ฟเวอร์ (ต่อโปรเซสเซอร์) 1 ไลเซ็นส์ โดยจะได้รับส่วนลดในการซื้อปริมาณมาก ตั้งแต่ 3 – 27 % โดยประมาณ, จัดการสิทธิได้ง่าย และสามารถซื้อสิทธิเพิ่มเติมได้ภายใต้สัญญาเดิมเมื่อต้องการตลอดระยะ 2 ปีของอายุสัญญา จึงรองรับการเติบโตของธุรกิจได้ดี

Open Volume
เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการสิทธิการใช้ปริมาณมากๆ เนื่องจากจะสามารถประหยัดเงินได้มากขึ้นกว่าโปรแกรม Open Business โดยไมโครซอฟท์ได้กำหนดผลิตภัณฑ์ออกเป็นกลุ่ม (แอพพลิเคชั่น, ซอฟต์แวร์ระบบ และเซิร์ฟเวอร์) พร้อมกับกำหนดคะแนนให้กับแต่ละผลิตภัณฑ์ ลูกค้าจะสามารถเลือกซื้อสิทธิการใช้ซอฟต์แวร์ผ่านโปรแกรม Open Volume ได้ เมื่อรวมคะแนนผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเดียวกันได้มากกว่า 500 คะแนนในการสั่งซื้อครั้งแรก โดยไมโครซอฟท์จะใช้คะแนนในการกำหนดระดับราคาที่ผู้ซื้อจะได้รับด้วย ทั้งนี้สัญญาจะมีอายุ 2 ปีเช่นเดียวกับโปรแกรม Open Business

Open Value
เป็นโปรแกรมจำหน่ายสิทธิการใช้ซอฟต์แวร์ที่คุ้มค่าที่สุด สำหรับองค์กรที่ต้องการซื้อสิทธิการใช้พร้อมด้วย Software Assurance อย่างน้อย 5 ไลเซ็นส์ มีรูปแบบการซื้อที่ยืดหยุ่นและสะดวก ไม่ยุ่งยาก ให้ทางเลือกในการแบ่งชำระหรือเช่าใช้ซอฟต์แวร์ไมโครซอฟท์ในระยะเวลา 3 ปีของสัญญา พร้อมด้วยสิทธิประโยชน์จาก Software Assurance (SA) ซึ่งทำให้การจัดการอัพเกรดได้ง่ายขึ้นและบริหารค่าใช้จ่ายด้านซอฟต์แวร์ได้ดีขึ้น

สิทธิการใช้งานแบบ Open
  • ได้รับส่วนลดในการซื้อปริมาณมาก ตั้งแต่ 3 – 27 % โดยประมาณ
  • ระดับราคาที่กำหนดจะถูกใช้กับการสั่งซื้อเพิ่มตลอดอายุ 2 ปีของสัญญา
  • จัดซื้อได้ง่ายจากตัวแทนจำหน่ายของไมโครซอฟท์ที่มีอยู่ทั่วไป
  • สั่งซื้อเริ่มต้นเพียง 5 ไลเซ็นส์ หรือสิทธิการใช้เซิร์ฟเวอร์ (ต่อโปรเซสเซอร์) 1 ไลเซ็นส์ (Open Business) หรือมีคะแนนรวม 500 คะแนนในแต่ละกลุ่มผู้ผลิตภัณฑ์แอพพลิเคชั่น, ซอฟต์แวร์ระบบ หรือเซิร์ฟเวอร์ (Open Volume)
  • ไม่จำกัดจำนวนสิทธิขั้นต่ำที่สั่งซื้อเพิ่มเติม
  • ทำการติดตั้งและอัพเกรดได้ง่ายขึ้นด้วย Volume Licensing Product Keys (VLK) โดยสามารถใช้ VLK สำหรับติดตั้งซอฟต์แวร์ใน PC หลายๆ เครื่องได้ด้วยรหัสผลิตภัณฑ์เดียว ลดเวลา และสามารถทำงานได้แบบรวมศูนย์
  • ลูกค้าสามารถดาวน์โหลดซอฟแวร์ผ่านโปรแกรม Digital by Choice ได้ทาง Volume Licensing Service Center (VLSC) 
เลือกโปรแกรม Open License ที่เหมาะกับธุรกิจของคุณ
Open Value
Open Business
Open Volume
กลุ่มลูกค้า
ต้องการควบคุมค่าใช้จ่ายด้านซอฟต์แวร์, จัดการสิทธิการใช้ได้ง่ายและ รับสิทธิประโยชน์จาก SAต้องการความยืดหยุ่นในการซื้อสิทธิ การใช้ซอฟต์แวร์มากขึ้นต้องการส่วนลดราคามากขึ้นตามปริมาณการสั่งซื้อ
จำนวนขั้นต่ำ
ในการสั่งซื้อ
เพียง 5 ไลเซ็นส์พร้อมด้วย Software Assuranceเพียง 5 ไลเซ็นส์ หรือสิทธิการใช้เซิร์ฟเวอร์ (ต่อโปรเซสเซอร์) 1 ไลเซ็นส์มีคะแนนรวม 500 คะแนนในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ต้องการ (แอพพลิเคชั่น,ซอฟต์แวร์ระบบ หรือเซิร์ฟเวอร์)
รูปแบบไลเซ็นส์ที่
จำหน่าย
  • ไลเซ็นส์ และ SA
  • การต่ออายุ SA
  • ไลเซ็นส์
  • SA
  • การต่ออายุ SA
  • ไลเซ็นส์
  • SA
  • การต่ออายุ SA
  • ส่วนลดเพิ่มเติม
    มี สำหรับ Open Value แบบ Companywideไม่มีไม่มี
    ทางเลือกใน
    การชำระเงิน
    ชำระเต็มจำนวนเมื่อสั่งซื้อ หรือแบ่งชำระเป็นรายปีก็ได้ชำระเต็มจำนวนเมื่อสั่งซื้อชำระเต็มจำนวนเมื่อสั่งซื้อ
    ช่วงอายุของสัญญา
    3 ปี2 ปี2 ปี
    สื่อบรรจุซอฟต์แวร์
    ได้รับสื่อบรรจุซอฟต์แวร์ฟรี และสามารถสั่งซื้อเพิ่มเติมได้สามารถสั่งซื้อสื่อบรรจุซอฟต์แวร์พร้อมกับการซื้อสิทธิ หรือสั่งซื้อภายหลังก็ได้สามารถสั่งซื้อสื่อบรรจุซอฟต์แวร์พร้อมกับการซื้อสิทธิ หรือสั่งซื้อภายหลังก็ได้
    การตรวจสอบสิทธิและการสั่งซื้อ
    ผ่านเว็ปไซต์ Volume Licensing Service Center (VLSC)ผ่านเว็ปไซต์ Volume Licensing Service Center (VLSC)ผ่านเว็ปไซต์ Volume Licensing Service Center (VLSC)

    OEM License

    สิทธิการใช้งานประเภทติดตั้งมาจากโรงงาน (OEM License)
    เป็นสิทธิการใช้ซึ่งจำหน่ายให้กับผู้ผลิตและผู้ประกอบคอมพิวเตอร์ สำหรับการติดตั้งไปพร้อมกับการจำหน่ายเครื่องคอมพิวเตอร์ ลูกค้าไม่สามารถขอซื้อสิทธิการใช้งานแบบ OEM แยกต่างหากได้ 
      สิทธิการใช้งานประเภทติดตั้งมาจากโรงงาน (OEM)
    • ซอฟต์แวร์แบบ OEM จะถูกติดตั้งมาพร้อมกับเครื่อง PC หรือเซิร์ฟเวอร์ที่จำหน่ายเท่านั้น
    • ไม่สามารถย้ายซอฟต์แวร์ OEM จากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไปยังเครื่องอื่นได้ แม้จะไม่มีการใช้คอมพิวเตอร์เครื่องเดิมแล้วก็ตาม แต่สิทธิในการใช้ของซอฟต์แวร์แบบ OEM อาจถูกกำหนดใหม่ หากมีการซื้อ Software Assurance เพิ่มเติมภายใน 90 วันหลังจากการซื้อสิทธิแบบ OEM
    • ซอฟต์แวร์ถูกจำกัดการใช้ด้วย Product ID Key หรือผ่านการเปิดใช้ทางเว็บหรือทางโทรศัพท์
      (โดยปกติจะถูกเปิดใช้งานล่วงหน้าโดยผู้จัดทำระบบ)
    • สิทธิแบบ OEM อาจมี Software Assurance ที่ซื้อภายใต้โปรแกรม Volume Licensing
      " สิทธิการใช้ระบบปฏิบัติการ Windows Desktop แบบเต็มจะจำหน่ายในรูปแบบ FPP หรือ OEM เท่านั้น โดยแบบ OEM จะมีราคาถูกกว่ามาก ส่วนโปรแกรม Volume License จะมีเฉพาะการอัพเกรดระบบปฏิบัติการ Windows Desktop เท่านั้น ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้ต้องมีสิทธิแบบ OEM หรือ FPP ของ Windows อยู่ก่อนแล้ว จึงจะสามารถอัพเกรดได้
      ผลิตภัณฑ์ที่มีการจัดจำหน่ายในรูปแบบของลิขสิทธิ์ประเภท OEM 

      1) ซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ (Desktop Operating System)
    • Windows 7 Ultimate
    • Windows 7 Professional
    • Windows 7 Home Premium
    • Windows 7 Home Basic
    • Windows 7 Starter
      2) ซอฟต์แวร์แอพพลิเคชัน (Application) ในรูปแบบ Product Key Card หรือ PKC
    • Office Home and Business
    • Office Professional
      3) ซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการสำหรับเครื่องแม่ข่าย (Server)
    • Windows Server 2008 R2 Foundation
    • Windows Server 2008 R2 Standard
    • Windows Server 2008 R2 Enterprise
    • Windows Small Business Server 2008
    • Windows Server Web 2008 R2

      เอกสารแสดงสิทธิ (Proof of Purchase) สำหรับลิขสิทธิ์ชนิด OEM

    1. ฉลากใบรับรองผลิตภัณฑ์ของแท้ (Certificate of Authenticity: COA)
    มีลักษณะเป็นฉลากสติกเกอร์ที่ระบุชนิด รุ่น ของผลิตภัณฑ์ รวมทั้ง หมายเลขรหัสผลิตภัณฑ์ (Product Key) ซึ่งผู้จำหน่ายเครื่องคอมพิวเตอร์จะต้องติดไว้บนตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ ดังรูป
    โดยลักษณะของฉลากจะแตกต่างกันระหว่าง ผู้ผลิตและผู้ประกอบคอมพิวเตอร์ (System Builder) และผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ของไทยที่มียี่ห้อของตนเอง (Named) เพื่อให้ผู้ใช้ทราบถึงแหล่งที่มาของคอมพิวเตอร์ได้อย่างชัดเจน2. คู่มือการใช้งาน (มีเฉพาะซอฟต์แวร์ระบบปฎิบัติการเดสก์ทอปเท่านั้น)
    3. แผ่นซีดีรอมสำหรับการติดตั้ง (หรือ Recover CD*) ซึ่งจะมีใบอนุญาตงานสำหรับผู้ใช้ปลายทาง (End User License Agreement: EULA) (เป็นลักษณะของ electronic document อยู่ภายใต้ Start - Run - Type EULA.TXT)

     
    * ใบอนุญาตงานสำหรับผู้ใช้ปลายทาง (End User License Agreement: EULA)
    (เป็นลักษณะของ electronic document อยู่ภายใต้ Start - Run - Type EULA.TXT)

      สิทธิการใช้ซอฟต์แวร์ประเภท Original Equipment Manufacturer (OEM)
    • สำหรับคอมพิวเตอร์หรือระบบที่มีสิทธิการใช้ระบบปฏิบัติการติดตั้งไว้ ฮาร์ดแวร์ต้องมีใบรับรองสินค้าของแท้ (Certification of Authenticity - COA) ติดไว้กับตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ ส่วนคอมพิวเตอร์หรือระบบที่มีสิทธิการใช้แอพพลิเคชั่นนั้น COA จะติดอยู่กับกล่องของซอฟต์แวร์ โดยคอมพิวเตอร์หรือเซิร์ฟเวอร์แบบ OEM ที่มีสิทธิการใช้ซอฟต์แวร์ประเภท OEM ติดตั้งจะมีจำหน่ายผ่านช่องทางจำหน่ายต่างๆ จำนวนมาก
    • สิทธิการใช้ระบบปฏิบัติการ Windows Desktop แบบเต็มจะจำหน่ายในรูปแบบ FPP หรือ OEM เท่านั้น โดยแบบ OEM จะมีราคาถูกกว่ามาก ส่วนโปรแกรม Volume License จะมีเฉพาะการอัพเกรดระบบปฏิบัติการ Windows Desktop เท่านั้น ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้ต้องมีสิทธิแบบ OEM หรือ FPP ของ Windows อยู่ก่อนแล้ว จึงจะสามารถอัพเกรดได้
    • การใช้ซอฟต์แวร์ OEM อยู่ภายใต้เงื่อนไขของใบอนุญาตใช้งานสำหรับผู้ใช้ปลายทางหรือ End User License Agreement (EULA) ซึ่งเป็นข้อตกลงระหว่างผู้ผลิตฮาร์ดแวร์และผู้ใช้
    • ซอฟต์แวร์ OEM ไม่สามารถย้ายไปยังคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นอีก ถึงแม้คอมพิวเตอร์เครื่องนั้นจะไม่ถูกใช้งานแล้วก็ตาม ยกเว้นผลิตภัณฑ์ Office หรือเซิร์ฟเวอร์ที่ซื้อ SA เพิ่มเติมภายใน 90 วัน
    • การใช้งานซอฟต์แวร์ OEM อาจต้องใช้ Product ID Key ซึ่งจำกัดจำนวนการใช้ หรือต้องเปิดใช้ผลิตภัณฑ์ผ่านเว็บหรือผ่านโทรศัพท์ภายใน 90 วัน
    • ไม่มีสิทธิในการใช้งานรุ่นต่ำกว่า ยกเว้นบางผลิตภัณฑ์ ท่านสามารถตรวจสอบได้ที่ Downgrade Right
      ประโยชน์ที่ได้รับจากการซื้อสิทธิการใช้งานแบบ OEM ไปพร้อมเครื่อง 

    ง่ายต่อการนำไปใช้ สามารถได้รับทุกสิ่งที่ต้องการ ได้แก่ การติดตั้งล่วงหน้า, ทำงานร่วมกับฮาร์ดแวร์ได้ และมั่นใจได้ว่า ระบบสามารถทำงานได้ด้วยประสิทธิภาพสูงสุดทันทีที่ใช้

    เพิ่มประโยชน์และความสะดวก ประหยัดเวลา ลดความวุ่นวาย ด้วยคอมพิวเตอร์หรือเซิร์ฟเวอร์ที่ติดตั้งระบบปฏิบัติการเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการติดตั้งลง

    ลดค่าใช้จ่าย คอมพิวเตอร์ที่ติดตั้งด้วยซอฟต์แวร์ OEM จะมีราคาถูกกว่าการแยกซื้อฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์

    การซื้อ Software Assurance สามารถซื้อเพิ่ม SA พร้อมกับการซื้อระบบได้ หรือจัดซื้อภายใน 90 วัน การเพิ่ม SA ทำให้มีสิทธิในการทำอิมเมจและใช้ซอฟต์แวร์รุ่นเก่าเช่นเดียวกับที่ลูกค้า Volume License ได้รับ และสามารถย้ายซอฟต์แวร์แอพพลิเคชั่นหรือเซิร์ฟเวอร์แบบ OEM ไปยังคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นได้ หากมีการซื้อ SA เพิ่มเติม

    Windows 7 Ultimate เป็นตัวท๊อปสุด นะครับ Windows แต่ละเวอร์ชั่น แตกต่างกันออกไปตามรูปแบบการใช้งาน ของ User

    -------------------------------------------------------

    นำข้อมูลของแต่ละเวอร์ชั่นมาฝากครับ (ข้อมูลราคา น่าจะไม่อัพเดทนะครับ)

    มาทำความเข้าใจกับ windows7 ในแต่ละรุ่นกันดีกว่า

    สวัสดีครับชาวเอสวีคอมสนมทุกท่าน วันนี้ก็จะมีแนะนำและมาทำความเข้าใจในwindows7 ในแต่ละรุ่น ปัจจุบันคอมพิวเตอร์ราคาถูกลง และมีความเร็วในการประมวลผลมากด้วย หลายคนก็เริ่มเปลี่ยนจากwindows xp มาใช้ windows7 กันมากคน หลายคนรู้แค่windows7แค่นี้ อย่างอื่นไม่รู้ ปัจจุบันนี้windows7 มีอยู่ 4 รุ่นด้วยกัน แต่ละรุ่นก็มีความสามารถที่แตกต่างกันออกไป รวมทั้งราคาแต่ละรุ่นก็ไม่เท่ากันไปด้วย ขึ้นอยู่กับความสามารถในwindowsแต่ละรุ่น เรามาดูกันครับว่า windows7 นั้นมีความสามารถแตกต่างกันอย่างไร ยังไงก็ดูเครื่องตัวเองไปด้วยนะครับว่าของเรารุ่นอะไร เริ่มจาก...

    1. Windows 7 Home Premium สำหรับ ผู้ที่ต้องการความเพลิดเพลินโฮมเอ็นเทอร์เทนเม้นท์ Windows 7 Home Premium ช่วยให้การสร้างเครือข่ายภายในบ้านและการแบ่งปันภาพถ่าย วิดีโอ และดนตรีที่คุณชื่นชอบร่วมกับผู้อื่นเป็นไปอย่างง่ายดาย คุณยังสามารถรับชม หยุดชั่วคราว กรอกลับ และบันทึกรายการทีวีได้ด้วย สัมผัสประสบการณ์ความบันเทิงที่ดีที่สุดด้วยWindows 7 Home Premium รุ่นนี้จะไม่มีฟังชั่นอะไรมากมาย ระบบความปลอดภัยแทบไม่มี เน้นไปที่การดูหนังฟังเพลงนั้นเองครับ ชื่อก็บอกแล้วว่า Windows 7 Home Premium
    ราคารุ่นนี้อยู่ที่ประมาณ 4.999 บาท (ใช้ได้1เครื่อง)


    2. Windows 7 Home Basic รุ่นนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความง่าย และสะดวกสบายในการใช้งาน Windows 7 Home Basic ช่วยให้เราเข้าถึงโปรแกรมและเอกสารที่เราใช้งานประประจำได้ง่ายขึ้น ทำให้คุณประหยัดเวลาในการค้นหาและมีเวลาทำงานมากขึ้น ให้การทำงานของเราในแต่ละวันรวดเร็วและง่ายดายขึ้นนั้นเองครับ แต่.... ประสิทธิภาพการใช้งานโดยรวมหากไม่ได้เล่นเน็ตดูหนังฟังเพลงมากมาย หรือไม่ได้มาเล่นเกมส์แค่เอามาใช้พิมพ์งานด้านเอกสาร Windows 7 Home Basic จะฉลาดในการเข้าถึงเอกสารของเราได้เร็วมาก คุณสมบัติโดยรวมรุ่นนี้คือ เช่น รายการทางลัดตรึงสแนป และWindows Search ช่วยให้คุณใช้งานพีซีได้อย่างง่ายดายและไม่ยุ่งยา การตั้งค่าเครือข่ายภายในบ้านและการเชื่อมต่อกับเครื่องพิมพ์และอุปกรณ์ต่างๆ เป็นเรื่องง่ายขึ้นกว่าเดิม หรือ การรวมเครือข่ายภายในบ้านเข้ากับพีซีเครื่องอื่นๆ ที่ใช้ Windows 7 เป็นเรื่องง่ายและไม่ยุ่งยาก เป็นต้น
    รุ่นนี้ราคาประมาณ 4,199 บาท (ต่อ1เครื่อง) ถูกกว่า Windows 7 Home Premium หลายร้อยเลย


    3. Window 7 Professional สำหรับ ผู้ที่ต้องการผลงานสมบูรณ์แบบระดับมืออาชีพ รุ่นนี้ถือว่าเป็นรุ่นพิมพ์นิยม ของเถื่อนเยอะมาก อิอิ... หากเราใช้พีซีสำหรับทำงาน เราจะต้องการ Windows 7 Professional ซึ่งสามารถช่วยให้เราทำงานได้มากขึ้นและปกป้องข้อมูลสำคัญที่คุณต้องใช้ในการทำงาน งานประจำวันส่วนมากสามารถทำได้ด้วยการคลิกเพียงไม่กี่ครั้ง เราจึงเสียเวลาน้อยลงในการตั้งค่าโปรเจคเตอร์ เครื่องพิมพ์ และเครือข่าย ตัวเลือกการสำรองข้อมูลที่ได้รับการปรับปรุงสามารถช่วยปกป้องงานที่คุณต้องใช้ความพยายามสูงด้วยการสำรองข้อมูลอัตโนมัติไปยังเครือข่ายที่บ้านหรือธุรกิจของคุณ และด้วย Windows XP Mode เราสามารถใช้โปรแกรม Windows XP ส่วนใหญ่ของเราได้ใน Windows 7 รุ่นนี้แบบสบายๆครับ อย่างที่ผมบอกนั้นแหละ รุ่นนี้พิมพ์นิยม
    ราคาอาจแพงนิดหน่อยครับประมาณ 7,999 บาท (ต่อ1เครื่อง)


    4. Windows 7 Ultimate สำหรับ ผู้ที่ต้องการฟังก์ชั่นการใช้งานแบบเต็มรูปแบบ รุ่นนี้ครับ แต่ก็ไม่ต่างกับWindow 7 Professional มากสักเท่าไหร่หรอกครับ ในWindows 7 Ultimate เป็นรุ่นที่มีคุณสมบัติการใช้งานมากที่สุดและมีประสิทธิภาพสูงสุดของ Windows 7 นั่นคือได้รวมการใช้งานง่ายและคุณลักษณะความบันเทิงต่างๆ ของ Home Premium เข้ากับความสามารถในเชิงธุรกิจของ Professional รวมทั้งยังสามารถเรียกใช้โปรแกรมธุรกิจจำนวนมากของ Windows XP ใน Windows XP Mode และยังเพิ่มความปลอดภัย โดยให้เราสามารถเข้ารหัสลับข้อมูลโดยใช้การเข้ารหัสลับไดรฟ์ด้วย BitLocker และ BitLocker To Go อีกทั้งยังมีความยืดหยุ่นพิเศษ ซึ่งช่วยให้เราสามารถใช้งานภาษาต่างๆ ได้ถึง 35 ภาษา มีทุกสิ่งได้ด้วย Windows 7 Ultimate นั้นเองขอรับท่าน
    รุ่นนี้ราคาอยู่ที่ประมาณ 8,399 บาท (ต่อ1เครื่อง)


    ทีนี้เราก็ทราบแล้วว่า windows7 นั้นมีกี่รุ่น แต่ละรุ่นมีความสามารถแตกต่างกันอย่างไร หากเราต้องการจะซื้อหรือสนับสนุนของแท้ก็ควรเลือกตามความเหมาะสมกับการใช้งานครับ แต่ปัจุบันผมว่า 90% เถื่อนทั้งนั้น 

    เตือน : สำหรับท่านที่ใช้windows7 ไม่ว่าจะรุ่นไหนก็แล้วแต่ ถ้าไม่ใช่ของแท้ ห้ามอัพwindowsโดยเด็ดขาด ไม่งั้นโดนMicrosofยิงฝ่ากระจายแน่ เห็นมาหลายรายแล้วครับแบบไม่รู้ว่าเครื่องเป็นไรอยู่ดีๆเครื่องเจ๋ง แต่ทั้งนั้นทั้งนี้หากเครื่องไม่ได้ต่อเน็ตก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าใครใช้งานอินเตอร์เน็ตก็ควรปิดการอัพโหลดด้วยนะครับ เพราะMicrosofค่อนข้างจะล่วงตับจากwindows7ที่ไม่ใช่ของแท้ ไม่ใช้คีย์ที่ซื้อแล้วลงทะเบียนไว้มีหวังwindowsพังแบบไม่รู้ตัว และอย่าหลงดีใจว่าอัพได้สุดท้ายต้องน้ำตาตกหลงดีใจกับสิ่งที่เราทำอยู่........



    Posted Image 

    วันเสาร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

    HTTPS คืออะไร ทำงานอย่างไร

    รู้จักกับ HTTP ก่อน
            HTTP ย่อมาจาก Hypertext Transfer Protocol เป็นโปรโตคอล(Protocol)สื่อสารที่ทำงานอยู่ในระดับ Application Layer บนโปรโตคอล TCP/IP  มีรูปแบบดังนี้
    1. เป็นโปรโตคอลหลักที่ใช้ในการแลกเปลี่ยนข้อมูล(HTML)กันระหว่าง Web Server และ Web Client(Browser)
    2. ใช้ URL(Uniform Resoure Locator) ในการเข้าถึงเว็ปไซต์(Web Site)  ซึ่งจะขึ้นต้นด้วย http:// ตามด้วยชื่อของเว็ปไซต์  
    3. ทำงานที่พอร์ต(port) 80 (มาตรฐาน)
    4. ส่งข้อมูลเป็นแบบ Clear text คือ ไม่มีการเข้ารหัสข้อมูลในระหว่างการส่ง(None-Encryption) จึงสามารถถูกดักจับได้ และอ่านข้อมูลนั้นรู้เรื่อง   

    แล้ว HTTPS คืออะไร ?

            HTTPS ย่อมาจาก Hypertext Transfer Protocol Secure หรือ Hypertext Transfer Protocol Over SSL(Secure Socket Layer) เป็นการทำงานเหมือนกับ HTTP ธรรมดาแต่ทำอยู่บน SSL เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการส่งข้อมูลมากยิ่งขึ้น  มีรูปแบบดังนี้
    1. การใช้งาน URL จะเข้าต้นด้วย https://  ตามด้วยชื่อของเว็ปไซต์  
    2. ทำงานที่พอร์ต(port) 443 (มาตรฐาน)
    3. ส่งข้อมูลเป็นแบบ 
    4. มีการทำ Authentication เพื่อตรวจสอบยืนยันระบุตัวตน
    ที่บอกว่า HTTPS คือ HTTP ที่ทำงานอยู่บน SSL แล้ว SSL คืออะไร?

    SSL(Secure Socket Layer)
    ความหมาย
            SSL ย่อมาจาก Secure Socket Layer เป็นโปรโตคอลในการเพิ่มการรักษาความปลอดภัยในการรับส่งข้อมูลบนระบบเครือข่าย

    วัตถุประสงค์ของ SSL
    1. เพื่อรักษาความลับของข้อมูล(Confidentiality) เพื่อให้การส่งข้อมูลมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
    2. เพื่อให้เกิดความคงสภาพของข้อมูล(Integrity) คือ ข้อมูลต้นฉบับต้องไม่ถูกแก้ไขเปลี่ยนแปลง 
    3. เพื่อให้การใช้งานระบบเครือข่าย(Network)นั้น ทำงานได้ตามปกติและเต็มประสิทธิภาพของการใช้งาน(Availability)
    การทำงานของ HTTPS หรือ HTTP Over SSL
      1. Browser เริ่มต้นเพื่อใช้งาน HTTPS(สร้าง Secure Session) โดยการส่งคำร้องขอ(พิมพ์ URL https:// XXX.com) ไปยัง Web Server
      2. Web Server ตอบกลับด้วย Certificate  ซึ่งเป็นใบรับรองว่า Server นั้นเป็น Server จริง   และ Public Key ของ Server เพื่อเอาไว้เข้ารหัส Symmetric Key ที่ต้องส่งไปให้ Server
      3. Browser ทำการตรวจสอบ Certificate ที่ได้จาก Web Server ว่าจริงหรือไม่
      4. เมื่อตรวจสอบแล้ว  จะทำการสร้าง Symmetric Key ขึ้นมาหนึ่งชุด ไว้สำหรับการเข้ารหัส Data ที่ต้องส่งระหว่าง Client กับ Server
      5. Browser ทำการเข้ารหัส Symmetric Key นั้น ด้วย Public Key(ที่ Server ส่งมาให้ในข้อที่ 2 ) ของ Web Server จากนั้นส่ง Symmetric Key ที่ได้เข้ารหัสแล้ว(Symmetric Key Encrypted)กลับไปยัง Web Server
      6. Web Server ทำการถอดรหัส Symmetric Key นั้นด้วย Private Key ของ Web Server เอง
      7. เริ่มกระบวนการเชื่อมต่อแบบ SSL  
            หลังจากนี้การส่งข้อมูลจะเป็นการเข้ารหัสโดยใช้ Symmetric Key  ที่ทั้ง Client และ Server มี(ที่ Browser ส่งไปให้)

    วันอังคารที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2557

    เซนเซอร์เพียโซ(Piezoelectric sensor)ในทางการแพทย์

    หลักการทำงานและทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
             Piezoelectric (เพียโซอิเล็กทริค) คือ อุปกรณ์ตรวจวัดแรงกลต่างๆ เช่น แรงดัน ความเร่ง การสั่น แรงเครียด หรือแรงกระทำอื่นๆ โดยเปลี่ยนพลังงานกลต่างๆเหล่านี้ให้เป็นพลังงานไฟฟ้า ในทางกลับกันเมื่อให้พลังงานไฟฟ้าแก่วัสดุที่มีคุณสมบัติเป็นเพียโซอิเล็กทริค วัสดุนั้นก็จะเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานกลได้เช่นกัน
             วัสดุเพียโซอิเล็กทริก (piezoelectric materialเป็นเซรามิกประเภทหนึ่งที่มีสมบัติพิเศษ กล่าวคือ เมื่อได้รับแรงกล (mechanical force) จะให้แรงดันไฟฟ้า (voltage) ที่เรียกว่า ปรากฏการณ์เพียโซอิเล็กทริก (piezoelectric effect) ในทางกลับกันเมื่อวัสดุได้รับแรงดันไฟฟ้าจะทำให้มีการเปลี่ยนรูปร่าง (deformation) เกิดแรงกลซึ่งเรียกว่า ปรากฏการณ์อินเวอร์สเพียโซอิเล็กทริก (inverse piezoelectric effect) การเปลี่ยนไปมา ระหว่างพลังงานกล และพลังงานไฟฟ้า สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกต่างๆ
            สมบัติเพียโซอิเล็กทริก จะเกิดขึ้นในวัสดุที่มีสภาพเป็นขั้วทางไฟฟ้าเท่านั้น วัสดุเพียโซอิเล็กทริก มีทั้งที่พบในธรรมชาติและจากการสังเคราะห์ เช่น คริสตอล(gallium phosphate, quartz, tourmaline) เซรามิค โพลิเมอร์ เป็นต้น
    SchemaPiezo ทำความรู้จัก Strain Gauge, Piezoelectric และ Accelerometer
     ตัวอย่างภาพ เพียโซอิเล็กทริคเปลี่ยนแรงกดเป็นพลังงานไฟฟ้า

    รูปร่างลักษณะของเซนเซอร์เพียโซ


    ข้อดีของเซนเซอร์เพียโซ
            เซนเซอร์เพียโซสามารถนำไปใช้วัดการบิดตัว วัดการสัมผัส วัดแรงสั่นสะเทือน วันแรงดัน และวัดแรงกระแทก เนื่องจาก มีความสามารถพิเศษคือสามารถเปลี่ยนพลังงานกลให้เป็นพลังงานไฟฟ้าได้ และในทางกลับกันก็สามารถเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าให้เป็นพลังงานกลได้ด้วยเช่นกัน

            เพราะฉะนั้น เซนเซอร์ตัวนี้เลยถูกนำไปใช้ในวงการต่างๆมากมาย เช่นในด้านวงการแพทย์ได้นำไปใช้ผลิตเป็นเครื่องวัดความดันลูกตา (IOP) ด้วย Sensor Piezoelectric ใช้ในการตรวจวัดความดันลูกตา (IOP) ความดันลูกตาที่เปลี่ยนแปลงตามความดันเลือด (OPA) และอัตราการเต้นของหัวใจ (H) โดยบอกคุณภาพการวัดเป็น Q1-Q5 ทำการวัดแบบไม่ต้องย้อมสี และสามารถวัดความดันลูกตาได้ทุกสภาพดวงตา โดยการสัมผัสในส่วนพื้นผิวของกระจกตาส่วนใดก็ได้

    ข้อเสียของเซนเซอร์เพียโซ
            ซนเซอร์เพียโซ ที่ผลิตขึ้นมา ใช้ตะกั่วเป็นตัวประกอบ ซึ่งตะกั่วนั้นเป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม
    ตัวอย่างการนำเซนเซอร์เพียโซมาเชื่อมต่อกับวงจร ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์กำลังศึกษาหาวิธีผลิตเพียโซอิเล็กทริกไร้สารตะกั่วขึ้น แม้จะทำสำเร็จได้บ้างแล้ว แต่คุณภาพยังไม่สามารถเทียบเท่าเพียโซอิเล็กทริกที่ใช้ตะกั่วได้


    ราคา
            ราคานั้นจะแตกต่างกันไปตามคุณภาพที่ต้องการ 

    ตัวอย่างการประยุกต์ใช้งานในด้านวิศวกรรมชีวการแพทย์
            การนำเซนเซอร์เพียโซ ไปใช้ในงานทางด้านวิศวกรรมชีวการแพทย์ เช่น ตัววัดคลื่นเสียงของหัวใจ(ไมโครโฟน)ตัวรับสัญญาณของเครื่องอัลตราซาวด์Quartz crystal microbalance(QCM) ที่มีการประยุกต์ใช้ในการตรวจวัดสารชีวโมเลกุลจำนวนมากตัวตรวจวัดแรงเครื่องวัดความดันลูกตา (IOP), ทำกางเกงไฮเทค แจ้งเตือนการหกล้ม,  (Knock Screen)  ตามห้างสรรพสินค้า โชว์รูมต่างๆ ร้านค้าร้านอาหาร และอื่นๆ แล้วแต่จะนำไปประยุกต์ เป็นต้น

    ตัวรับสัญญาณของเครื่องอัลตราซาวด์

     หลักการของอุลตราซาวด์ก็คือ เมื่อให้ประจุไฟฟ้าเป็นระยะ ติดๆกัน ไปยังผลึกที่มีคุณสมบัติPiezoelectric effect ซื่งบรรจุอยู่ในหัวตรวจ (Transducer or Probe) จะทำให้ได้อุลตราซาวด์ออกมาเป็นช่วงๆ (ultrasonic pulses) เข้าสู่ส่วนที่เรานำสัมผัส เมื่อพบรอยต่อของตัวกลาง (Interface) 2 ชนิด ทำให้เกิดการสะท้อน และการหักเห ตลอดแนวทางที่เสียงเดินผ่าน ในตัวกลางต่างชนิดกัน การเกิดการสะท้อนกลับมาสู่หัวตรวจ จะเกิดในเปอร์เซ็นต์และองศาที่แตกต่างกัน ฉะนั้นภาพที่ได้จึงปรากฏบนจอภาพให้เห็น ความแตกต่างของเนื้อเยื่อ ซึ่งเป็นตัวกลางที่เสียงเดินผ่าน จึงทำให้บอกความผิดปกติ เพื่อตรวจวินิจฉัยโรคได้


     ที่รับสัญญาณการเคาะ (Knock Screen)

               ในการเพิ่มประสิทธิภาพกระจกหน้าร้านธรรมดาให้เป็นจอ Interactive ที่รับสัญญาณจากการเคาะ (Knock Screen) ทำให้ความสามารถในการประชาสัมพันธ์สินค้าดีมากขึ้น เมื่อลูกค้าต้องการทราบรายละเอียดของสินค้าตัวใดก็เพียงแต่ใช้โลหะ เช่น ลูกกุญแจ หรือเหรียญ เคาะกระจกตรงบริเวณสินค้าที่ต้องการทราบข้อมูล เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ตั้งอยู่หลังกระจกก็จะแสดงรายละเอียดของสินค้าขึ้นมา  ซึ่งสามารถนำไปใช้ในงานด้านต่างๆได้ เช่น ห้างสรรพสินค้า , โชว์รูมต่างๆ , ร้านค้า, ร้านอาหาร และอื่นๆ แล้วแต่จะนำไปประยุกต์
                   การทำงานโดยจะคอยตรวจการเคาะกระจกโดยใช้เปียโซอิเล็กทริกเซนเซอร์ (Piezo - Electric Sensor) 4 ตัวติดไว้ตรงขอบของกระจกทั้ง 4 ด้าน เพื่อคอยตรวจวัดแรงสั่นสะเทือนและส่งข้อมูลแรงสั่นสะเทือนที่จับได้นี้ผ่านไปทาง RS232 ไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อให้คำนวณตำแหน่ง (Coordinate) บนกระจกออกมา และติดต่อกับฐานข้อมูล (Database) ในเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อจะแสดงรายละเอียดของสินค้าดังนี้คือ ภาพ , ราคา , รหัสสินค้า , ข้อความบรรยายรายละเอียดสินค้าออกทางจอภาพและเสียงบรรยายออกทางลำโพง


                  การติดตั้งตัว Piezo - Electric Sensor
    นำ Sensor มาติดบนกระจกโดยติดด้านในร้านที่ด้านทั้ง 4 ด้าน โดยเมื่อมองจากด้านนอกร้านแล้ว Sensor ทางด้านซ้ายมือจะเป็นตัวที่ 1 , ตัวทางขวาจะเป็นตัวที่ 2 , ตัวด้านบนจะเป็นตัวที่ 3 , และตัวด้านล่างจะเป็นตัวที่ 4



                          จากนั้นให้ต่อ Sensor ทั้ง 4 ตัว เข้ากับ Board โดยเรียงตามลำดับตัวที่ 1 ถึง 4 โดยตัวที่ 1 จะเสียบด้านบนของ Board จากนั้นก็เรียงต่อลงมาเรื่อยๆ จนครบ สุดท้ายให้นำสาย Serial มาเสียบเข้ากับ Board ตรงบริเวณด้านล่างขวา และหัวอีกด้านก็ไปต่อกับ Comm-port ของ PC ก็เป็นอันเสร็จสิ้นการติดตั้ง 


     เครื่องวัดความดันลูกตา (IOP)


            ใช้ในการตรวจวัดความดันลูกตา (IOP) ความดันลูกตาที่เปลี่ยนแปลงตามความดันเลือด (OPA) และอัตราการเต้นของหัวใจ (H) โดยบอกคุณภาพการวัดเป็น Q1-Q5 ทำการวัดแบบไม่ต้องย้อมสี และสามารถวัดความดันลูกตาได้ทุกสภาพดวงตา โดยการสัมผัสในส่วนพื้นผิวของกระจกตาส่วนใดก็ได้


    Blood pressure sensors


            คือแผ่น piezoelectric จะรับสัญญาณของความดันโลหิตแล้วเปลี่ยนเป็นสัญญาณไฟฟ้า








                                            

    ทำกางเกงไฮเทค แจ้งเตือนการหกล้มได้ เพราะเซ็นเซอร์ (sensor) ที่ติดอยู่กับกางเกงจะตรวจจับท่าเดินที่เปลี่ยนแปลงไปและส่งสัญญาณแจ้งเตือนหากมีความเสี่ยงที่จะลื่นหรือหกล้ม

    Simple Knock Alarm With Piezo Sensor


            วงจรนี้ใช้ตัวเซ็นเซอร์ piezoelectric ในการตรวจจับการสั่นสะเทือนถูกสร้างขึ้น โดยเคาะบนพื้นผิว เช่นประตูหรือโต๊ะ โดยจะขยายและส่งสัญญาณจากเซ็นเซอร์และเสียงปลุกของนาฬิกา สำหรับรอบระยะเวลาที่จะกำหนดไว้ล่วงหน้า 
              

    Conditioning circuit for piezo sensors


            แรงดันไฟฟ้าที่ได้จากเซนเซอร์เพียโซนั้นต่ำมาก จึงต้องขยายสัญญาณก่อน  โดยใช้ วงจร  lowpass filters เป็นตัวกรองสัญญาณแรงดันไฟฟ้าจากเซ็นเซอร์เพียโซ วงจรกรองสัญญาณนี้จะกรองแรงดันไฟฟ้าลบออก โดยใช้ไดโอด วงจรกรองสัญญาณนี้ตอบสนองได้ดีเมื่อแรงดันไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 


                            
    เซ็นเซอร์การสั่นสะเทือน (Vibration Sensor)



    เซ็นเซอร์การสั่นสะเทือนยังสามารถใช้ในการเก็บเกี่ยวพลังงานที่สูญเสียอย่างอื่นจากการสั่นสะเทือนเชิงกล โดยการใช้วัสดุ piezoelectric การแปลงความเครียดเชิงกลเป็นพลังงานไฟฟ้าให้สามารถใช้งานได้

             
    สัญลักษณ์แผนผังและรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ของการเซ็นเซอร์ piezoelectric






    กราฟแสดงการตอบสนองต่อความถี่ของการเซ็นเซอร์ piezoelectric 


    เซนเซอร์ตรวจจับเสียง (Sound sensor)








    Sound Sensor ทำหน้าที่ตรวจจับเสียงเป็นระดับเดซิเบล(Decibel)
    สามารถตรวจจับเสียงได้ทั้ง dB และ dBA เซ็นเซอร์เสียงเป็นไมโครโฟนที่มีเครื่องขยายเสียงภายใน เซ็นเซอร์ รูปแบบมาตรการในการความดัน (ของอากาศ) เนื่องจากความไวสูงที่เซ็นเซอร์มีความเหมาะสมมากในการตรวจสอบ พัลส์แรงดัน และเซ็นยังสามารถใช้สำหรับการวัดเดซิเบลได้อีกด้วยโดย 

    • dBA คือ เสียงที่มนุษย์สามารถได้ยิน
    • dB คือ เสียงทั้งหมด รวมถึงเสียงที่สูงหรือต่ำไปเกินกว่าที่มนุษย์จะได้ยินด้วย
    Sound Sensor สามารถตรวจจับเสียงได้สูงสุด 90 dB
    การอ่านค่าของ Sound Sensor จะแสดงเป็นเปอร์เซ็นต์ (%)

    ระดับเสียง

    • 4 - 5% - ห้องเงียบๆ
    • 5 - 10% - มีเสียงคนพูดอยู่ไกลๆ
    • 10 - 30% - เสียงเมื่อมีคนคุยกันในระยะ 1 เมตร หรือเปิดเพลงไม่ดังมาก
    • 30 - 100% - เสียงเพลงดังมาก หรือมีคนมาตะโกนใส่เซ็นเซอร์

    การนำไปใช้งาน

    เราสามารถใช้ Sound Sensor ในการตรวจจับเสียง เช่น การตบมือ







    วงจรของเซ็นเซอร์เสียง

                 เซ็นเซอร์เสียงจะถูกส่งด้วย BT(British telecom) - plug และสามารถเชื่อมต่อกับ อินเตอร์เฟซที่ต่อไปนี้ 
    • UIA / UIB ผ่านทางคอนโซลการวัด (ผ่านอะแดปเตอร์ 0520)
     • CoachLab 
    • II CoachLab
     • SMI (ผ่านอะแดปเตอร์ 0520) 
    • Texas Instruments CBL ™ข้อมูลคนตัดไม้ มีอะแดปเตอร์ (มาตรา 0520) เพื่อเชื่อมต่อกับเซ็นเซอร์ปลั๊ก BT - to - 4 - mm คือ ปัจจัยการผลิต


    แหล่งอ้างอิงข้อมูล

    http://www.biomed.in.th/strain-gauge-piezoelectric-accelerometer-in-medical-engineering/

    http://www.mne.eng.psu.ac.th/knowledge/student/ceramic_sensor/piezo.htm

    http://www.extremecircuits.net/2010/06/simple-knock-alarm-with-piezo-sensor_13.html

    http://devices.sapp.org/circuit/piezo/

    http://metrobme.blogspot.com/2010/07/piezoelectric-sensor.html